loading...
ฝนท่วมจอมบึง อ่วมสุดใน30ปี อุโมงค์ลอดทางรถไฟประจวบฯ ยังจมมิด จับตาพายุลูกใหม่
ร.ร.ในเพชรบุรีประกาศปิดเรียนต่อ เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมถนนในเขตเมืองยังไม่ลดลง ด้าน ทบ. ส่งกำลังช่วยชาวบ้านน้ำท่วม ส่วนที่จอมบึง ราชบุรี ก็อ่วมถูกน้ำท่วมกว่า 100 ไร่ ขณะที่อุโมงค์ลอดทางรถไฟประจวบฯ ยังจมมิด ประกาศปิดน้ำตกป่าละอู ปภ.ประจวบฯ จับตาพายุลูกใหม่ในอ่าวตังเกี๋ย ปภ.ระบุสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังน่าเป็นห่วง ประสาน 7 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำป่า- ดินถล่ม อุตุฯชี้ 6-8 พ.ย. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายฝนตกหนักถึงหนักมาก
★ ปภ.สรุปสถานการณ์น้ำ
วันที่ 2 พ.ย. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งใน 7 จังหวัด รวม 21 อำเภอ 128 ตำบล 618 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคกลาง 4 จังหวัด 13 อำเภอ 100 ตำบล 494 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.นครสวรรค์ จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.กาญจนบุรี ภาคเหนือ 1 จังหวัด 3 อำเภอ 12 ตำบล 48 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.พิจิตร ภาคใต้ 2 จังหวัด 5 อำเภอ 17 ตำบล 82 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางเริ่มคลี่คลาย เนื่องจากมีปริมาณฝนลดลง ขณะที่ภาคใต้สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้ลำน้ำสายสำคัญมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนจึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว พร้อมเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว และจากการตรวจสอบสภาพอากาศ พื้นที่ภาคใต้ยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ปภ.จึงได้ประสาน 7 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา และภูเก็ต ให้เฝ้าระวังสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือดินถล่ม ดินไหล และน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 2-3 พ.ย. โดยจัดเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญเหตุ ชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
loading...
★ ปภ.สรุปสถานการณ์น้ำวันที่ 2 พ.ย. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งใน 7 จังหวัด รวม 21 อำเภอ 128 ตำบล 618 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคกลาง 4 จังหวัด 13 อำเภอ 100 ตำบล 494 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.นครสวรรค์ จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.กาญจนบุรี ภาคเหนือ 1 จังหวัด 3 อำเภอ 12 ตำบล 48 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.พิจิตร ภาคใต้ 2 จังหวัด 5 อำเภอ 17 ตำบล 82 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางเริ่มคลี่คลาย เนื่องจากมีปริมาณฝนลดลง ขณะที่ภาคใต้สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้ลำน้ำสายสำคัญมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนจึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว พร้อมเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว และจากการตรวจสอบสภาพอากาศ พื้นที่ภาคใต้ยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ปภ.จึงได้ประสาน 7 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา และภูเก็ต ให้เฝ้าระวังสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือดินถล่ม ดินไหล และน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 2-3 พ.ย. โดยจัดเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญเหตุ ชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
★ อุตุฯเตือนใต้ระวังฝนหนัก
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 2 – 6 พ.ย.นี้ โดยบริเวณประเทศไทยตอนบน มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 7 – 8 พ.ย. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา กับมีอากาศเย็นในตอนเช้า อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6-8 พ.ย. ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บางแห่ง โดยในช่วงวันที่ 2-8 พ.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 6-8 พ.ย. ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วน ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังในขณะที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุก กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ในบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วม ฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ สำหรับประเทศไทยตอนบนมีฝนลดน้อยลง กับมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีฝนลดน้อยลง
ทบ.ช่วยชาวบ้านถูกน้ำท่วม
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากที่เกิดฝนตกหนักในจ.เพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ 15 และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ได้นำกำลังพลกว่า 300 นาย เข้าช่วยประชาชนขนย้ายสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัย ก่อกระสอบทรายทำทำนบกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมเขตชุมชนในพื้นที่ หมู่ 1,2,5 และ 8 ต.บ้านกุ่ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี รวมถึงช่วยประชาชนสูบน้ำออกจากบ้านเรือน ขณะนี้ระดับน้ำยังทรงตัว หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม ล่าสุดในวันนี้หน่วยทหารในพื้นที่ยังคงร่วมกับทางจังหวัดออกให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าก่อกระสอบทรายทำเป็นแนวกั้นน้ำในแหล่งชุมชน และบ้านเรือนประชาชนในเขตอ.เมือง และ อ.บ้านแหลม รวมถึงได้เข้าทำทำนบกั้นน้ำบริเวณโดยรอบพระรามราชนิเวศน์ (พระราช วังบ้านปืน) นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพชรบุรี นำอาหารและน้ำแจกจ่ายให้กับประชาชน ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้วย
★ เพชรบุรีน้ำท่วมยังทรงตัว
บรรยากาศน้ำท่วมจ.เพชรบุรี บริเวณถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ตั้งแต่แยกโรงพยาบาล เพชรรัชต์ ยังมีน้ำท่วมผิวจราจรสูงจนถึง4 แยกทางหลวง ใช้ได้ 1 ช่องทางจราจร ส่วนขาเข้ากทม ยังใช้การได้ดี ขณะที่ถนนหลายสายในเขตตัวเมืองเพชรบุรี ทั้งถนนทางไปสถานีรถไฟเพชรบุรี ถนนหน้าโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี แยกสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด ถนนแยกหน้าอำเภอเมืองเพชรบุรี ถนนเส้นหน้าเขาวัง ตลอดสาย ถนนหน้าโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ ถนนหน้าวัดถ้ำแก้วผ่านท่ารถตู้โดยสารประจำทาง ถนนบันไดอิฐ ถนนราชดำเนิน ถนนหน้าวัดมหาธาตุและอีกหลายสายยังมีระดับน้ำขึ้นสูง แต่บางเส้นทางรถยนต์ยังสามารถใช้สัญจรไปได้ แต่หลายเส้นทางต้องปิดการจราจรเนื่องจากระดับน้ำสูง
อุโมงค์ประจวบฯยังจมมิด
ส่วนสถานการณ์ล่าสุด ในเขตตัวเมือง ประจวบฯ บริเวณถนนสุขสมบูรณ์และถนนประจวบศิริ หน้าโรงเรียนกิตติคุณ ปริมาณน้ำป่าที่ไหลท่วมลดลงจนแห้งเหลือน้ำท่วมขังเล็กน้อย ส่วนในโรงเรียนกิตติคุณยังมีน้ำท่วมขังจุดที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ อาทิ ห้องเรียนของเด็กชั้น ป. 1 และป. 2 ทางโรงเรียนได้ติดตั้งท่อสูบน้ำขนาด 3 นิ้วเร่งระบายน้ำเป็นการเร่งด่วน จึงให้หยุดเรียนเป็นการชั่วคราวไปอีกระยะ นอกจากนี้บริเวณทางลอดใต้อุโมงค์รถไฟที่เป็นเส้นทางใช้สัญจรเชื่อมต่อกันระหว่างถนนมหาราช 1 และมหาราช 2 ยังไม่สามารถใช้งานได้ยังคงมีปริมาณน้ำที่ท่วมสูงกว่า 2 เมตร เนื่องจากยังไม่สามารถระบายลงสู่ทะเลได้
ที่มา:https://www.khaosod.co.th
loading...
No comments:
Post a Comment